Admin

image

เตาแม่เหล็กไฟฟ้า/เตาเหนี่ยวนำไฟฟ้าคืออะไร

            เตาแม่เหล็กไฟฟ้าหรือเตาเหนี่ยวนำไฟฟ้า เตาแม่เหล็กไฟฟ้าควบคุมด้วยไมโครชิพ ทำให้สามารถทำงานที่อุณหภูมิต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ เตาแม่เหล็กไฟฟ้า ดูทันสมัย สวยงาม และเพิ่มความสะดวกสบายอย่างมากในการทำอาหารต่างๆเหมาะสำหรับทำอาหาร หลากหลายชนิด โดยเฉพาะสุกี้ และยังสามารถใช้ในงานอื่นๆได้ เช่น ผัด ทอด ต้มซุป

            เตาแม่เหล็กไฟฟ้ามีระบบตัดไฟกรณีไฟเกิน(Over current protection)และกรณีมีความร้อนมากเกินไป(Over-heat protection)เพื่อความปลอดภัย

 

หลักการทำงาน

      เตาเหนี่ยวนำไฟฟ้า หรือเตาแม่เหล็กไฟฟ้า อาศัยความร้อนจากการเหนี่ยวนำไฟฟ้า ที่ภาชนะที่เหนี่ยวนำไฟฟ้าได้ เช่นเหล็ก หรือเหล็กสเตนเลสบางชนิด อุปกรณ์ ที่ไม่เหนี่ยวนำแม่เหล็ก จะไม่สามารถทำให้เกิดความร้อนได้ เช่น อลูมิเนียม แก้ว เซรามิค หรือเหล็กสเตนเลสหลายชนิด

       เตาแม่เหล็กไฟฟ้า ให้พลังงานความร้อนได้รวดเร็วกว่าเตาแบบธรรมดา และสูญเสียพลังงานน้อยกว่า เช่นไม่มีความร้อนที่แผ่ไปในอากาศ เหมือนเตาความร้อนทั่วๆไป แต่พลังงานนั้นจะถ่ายทอดไปที่ตัวภาชนะโดยตรง ที่สำคัญคือความ เสี่ยง หรืออันตรายจากการไหม้ ลุกติดไฟ ยังลดลง เพราะเตาได้ความร้อนจริงๆ จากตัวภาชนะอีกที

image

      พลังงานความร้อนเกิดขึ้น มีต้นกำเนิดจากกระแสไฟฟ้าที่ไปสร้างสนามแม่เหล็ก ที่เตาแม่เหล็กไฟฟ้า  
ขนาดกระแสไฟฟ้านี้จึงแปรผันตามความร้อนที่เกิด ที่ตัวภาชนะ ตามหลักการเปลี่ยนรูปของพลังงาน
ฉะนั้นการควบคุมความร้อน จึงสามารถทำได้ โดยควบคุมขนาดกระแสไฟฟ้า ที่ผ่านไปที่ขดลวดเหนี่ยวนำไฟฟ้า
โดย เพิ่มหรือลดความต้านทานในวงจร อีกทั้งตรวจจับขนาดกระแสไฟฟ้า ที่ลดต่ำลงกรณียกภาชนะออก เพื่อปิดเตา โดยอัตโนมัติ  

ความประหยัดพลังงาน

       แม้ว่า เตาแม่เหล็กไฟฟ้า มีราคาแพงกว่าเตาขดลวดความร้อนไฟฟ้าทั่วๆไป แต่พลังงานที่ใช้ในการทำความร้อนนั้น ใช้เพียงแค่ครึ่งเดียว โดย เฉพาะประสิทธิภาพในการนำพาความร้อนนั้นมีสูงถึง 84% (จากการทดลองของ US Dept of energy) เทียบประสิทธิภาพเพียง 40-50% ของเตาแก๊สความร้อน และเตาขดลวดความร้อน เนื่องความร้อนที่เสียไปที่อากาศรอบๆ โดยไม่ได้ใช้งาน

 

การสร้างความร้อน

    ความร้อนเกิดขึ้นได้ จากสาเหตุ 2 ส่วน คือ ส่วนแรกจาก magnetic hysteresis ความแม่เหล็กที่เปลี่ยนไปมาจากไฟฟ้ากระแสสลับนั้น ได้เปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อน ที่ก้นภาชนะหุงต้ม ขนาดของความร้อนแปรผันโดยตรงกับพี้นที่ของ hysteresis loop พลังงานความร้อนส่วนนี้มีสัดส่วนประมาณ 7% หรือน้อยกว่าจากความ ร้อนที่เกิดทั้งหมด

image

     ส่วนที่สอง หรือส่วนหลักของความร้อน เกิดจากกระแสไฟฟ้าที่เกิดขึ้น มีชื่อว่า eddy current ที่เกิดที่ก้นภาชนะ eddy current เกิดขึ้นเมื่อมีการเคลื่อนที่ผ่านไปมาระหว่างแผ่นโลหะที่เหนียวนำแม่เหล็ก ได้ กับสนามแม่เหล็ก จากกฎมือขวาในทางฟิสิกก์ (แรง, สนามแม่เหล็ก, กระแสไฟฟ้า)

image

       ขนาดของ eddy current เมื่อลดต่ำลงเป็น 37% จากค่าเริ่มต้น ขนาดนี้เราเรียกว่า skin depth หาก skin depth มีค่าเป็น ¼ ของความหนาของก้นภาชนะ eddy current นี้จะถูกเปลี่ยนสภาพ เป็นความร้อนทั้งหมด (เกือบ 97%) ที่ฐานก้นภาชนะ ซึ่งความร้อนที่เกิดนี้ จะถูกถ่ายทอดไปยังอาหารเกือบหมด มีส่วนน้อยมากๆ ที่ถ่ายไปยังเตา

image

 

 image

 

        

 

  

      สาเหตุหลักๆ ที่ภาชนะอลูมิเนียมไม่สามารถใช้ได้ เพราะ skin depth ของอลูมิเนียมมีค่าสูงประมาณ 12 mm ซึ่งจะต้องมีภาชนะหนาประมาณ 48 mm เพื่อทำให้เกิดความร้อนได้

image

image

หลักการพื้นฐานเของเตาแม่เหล็กไฟฟ้า

image                     การทำงานของเตาเหนี่ยวใช้การสร้างแหล่งจ่ายไฟความถี่สูง(โดยทั่วไปใช้ความ ถี่ในช่วง20-50kHz)แล้วป้อนให้ขดลวดเหนี่ยวนำซึ่งติดตั้งอยู่ใกล้กับ ตำแหน่ง ที่จะวางภาชนะ(ที่มีเหล็กเป็นองค์ประกอบ,ทดสอบได้โดยนำแม่เหล็กมาดูดดู)โดยขดลวดเหนี่ยวนำนี้จะทำหน้าที่เป็น เสมือนขดปฐมภูมิของหม้อแปลง สนามแม่เเหล็ก(เส้นแรงแม่เหล็ก)ความถี่สูง นี้จะตัดผ่านหรือพุ่งผ่านภาชนะ ซึ่งเป็นตัวนำไฟฟ้า(ทำหน้าที่เป็นเสมือนขดทุติยภูมิของหม้อแปลง) ทำให้ เกิด แรงเคลื่อนเหนี่ยวนำและมีกระแสทีเกิดจากการเหนี่ยวนำ eddy current (กระแสเอ็ดดี้)ขึ้น กระแสนี้จะไหลวนที่ก้นของภาชนะผ่านความต้านทานของ เนื้อโลหะที่เป็นภาชนะทำ ให้เกิดความร้อนขึ้นตามสมการ I^2 x R สาเหตุ ที่ต้องใช้ความถี่สูงก็เนื่องจากอัตราการเปลี่ยนแปลงของเส้นแรงหรือ ฟลักซ์แม่เหล็กมีค่าสูงกว่าทำให้ แรงเคลื่อนเหนี่ยวนำที่เกิดขึ้นที่ ภาชนะมีค่าสูงและกระแสเอ็ดดีก็สามารถไหลได้มากขึ้น และการที่ภาชนะที่ ใช้ต้องมีเหล็กเป็นองค์ประกอบก็เนื่องจากเหล็กมีค่าความซึม ซาบ(Permeability)แม่เหล็กสูง  ความหนาแน่นของเส้นแรงแม่เหล็กที่ผ่าน เนื้อเหล็กจึงสูง(โดยที่ไม่ต้องใช้ กระแสเพื่อสร้างสนามแม่เหล็กสูงมาก) ความ หนาแน่นที่สูงนี้ทำให้แรงเคลื่อนเหนี่ยวนำที่เกิดขึ้นที่ภาชนะมีค่าสูง ด้วยเช่นกัน (เป็นไปตามกฎของฟาราเดย์ที่ว่า e=N x d(Flux)/dt.....)

 

ความร้อนเสริม

image     นอกจากความร้อนที่เกิดจากความต้าน ทานไฟฟ้าของโลหะแล้ว กระทะหรือหม้อที่วางบนเตายังได้ความร้อนจากการสั่นของไดโพลแม่เหล็ก(magnetic dipole) ขนาดเล็กในเนื้อเหล็กด้วย ด้วยเหตุที่สนามแม่เหล็กของขดลวดมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา (ที่เปิดเตา) จึงเหนี่ยวนำให้ไดโพลแม่เหล็กในเนื้อเหล็กมีการเคลื่อนไหวในลักษณะการสั่น อย่างรวดเร็ว และเสียดสีกันเกิดความร้อนเสริมกับความร้อนที่เกิดจากความต้านทานไฟฟ้า   แต่ปริมาณความร้อนจากการสั่นของไดโพลแม่เหล็กจะน้อยกว่าความร้อนที่ เกิดจากความต้านทานไฟฟ้า

 

ส่งท้าย

image        จากจุดเริ่มต้นของความรู้พื้นฐานใน เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างไฟฟ้า แม่เหล็ก และการเหนี่ยวนำ เมื่อนำมาศึกษาต่อยอดออกไปจนพบกระแสไฟฟ้าวนก็สามารถทำให้เกิดความร้อน และสนามแม่เหล็กได้ ทำให้มีการประยุกต์ความรู้เหล่านี้ไปเป็นเครื่องมือ หรือเครื่องจักรใหม่ ๆ ออกมา ซึ่งในอนาคตคงมีสิ่งประดิษฐ์อย่างอื่นที่เกิดจากความรู้พื้นฐานเหล่านี้อีก อย่างแน่นอน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าจะมีใครมองเห็นหนทางหรือโอกาสใหม่ของการใช้ความรู้ เหล่านี้ไปประยุกต์เป็นเทคโนโลยีใหม่ได้หรือไม่

ที่มา

http://en.wikipedia.org/wiki/Induction_cooker

http://theinductionsite.com/how-induction-works.shtml

http://www.kitchenwaremarket.com/oscommerce/catalog/article_info.php?articles_id=20

http://www.neutron.rmutphysics.com/science-news/index.php?option=com_content&task=view&id=606&Itemid=0&limit=1&limitstart=1

0 Responses

Post a Comment